เทคนิคการเชื่อมต่อท่อ PPR กับท่อประเภทอื่น ๆ
เทคนิคการเชื่อมต่อท่อ PPR กับท่อประเภทอื่น ๆ
คุณสมบัติของท่อ PPR ที่ควรรู้
น้ำ เป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ในสมัยก่อน หากต้องการจะใช้น้ำ ต้องเดินไปตักน้ำที่ลำธารกลับมาใช้ที่บ้าน แต่ในปัจจุบันนี้ เราไม่จำเป็นต้องเดินไปลำธารตักน้ำมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เพียงแค่เปิดก๊อกน้ำ ก็มีน้ำไหลออกมาให้ได้ใช้ประโยชน์กัน แล้วเคยมีคำถามเกิดขึ้นหรือไม่ว่า ท่อที่ใช้ส่งน้ำประปามันทำจากอะไร สะอาดหรือไม่ วันนี้ เราจะมาไขข้อข้องใจให้ได้ทราบกัน
ท่อส่งน้ำประปามีทั้งหมดกี่ประเภท
ท่อประปา คือ ท่อสำหรับทำหน้าที่ส่งน้ำจากแหล่งกำเนิด เช่น เขื่อน สูบขึ้นมาและจ่ายไปยังพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สำนักงาน โรงเรียน สถานพยาบาล พื้นที่การเกษตร ฯลฯ โดยปกติแล้ว ท่อน้ำที่ใช้จะมีขนาดมาตรฐานคือ 3/4-1 นิ้ว แบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 5 ประเภท ดังนี้
- ท่อ PVC
ท่อ PVC หรือ Poly Vinyl Chloride มีทั้งหมด 3 สี แต่ละสีมีการใช้งานที่แตกต่างกัน
• สีเหลือง จะมีความทนทานต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี จึงนิยมนำมาใช้งานร้อยสายไฟ สายโทรศัพท์
• สีฟ้า เป็นท่อสำหรับใช้กับระบบทั้งน้ำดีและน้ำเสีย มีหลายเกรด แต่ละเกรดจะสามารถทนแรงดันน้ำได้ไม่เท่ากัน
• สีเทา เป็นท่อที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 3 สี นิยมนำมาใช้ในงานเกษตร ท่อน้ำทิ้ง ข้อเสียคือ ไม่ทน และไม่เหมาะกับการฝังลงไปในดิน - ท่อประปาเหล็กอาบสังกะสี
ท่อประเภทนี้เรียกอีกอย่างว่า ท่อประปากัลวาไนซ์ หรือท่อแป๊บ ทำจากเหล็กกล้าที่เคลือบสังกะสี สามารถทำเป็นเกลียวได้ง่าย ข้อดีของท่อประเภทนี้ คือ ทนต่อสนิม มีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงกระแทกและสามารถรับน้ำหนักได้ดี ทนต่อความดันและความร้อนสูงๆ ได้ นิยมใช้คู่กับเครื่องทำน้ำร้อน ท่อจะมีหลายสีคาดไว้ที่ตัวท่อ แต่ละสีจะมีความหนาไม่เหมือนกัน
• คาดเหลือง 10-100 มม. หนา 2-3.6 มม.
• คาดน้ำเงิน 15-150 มม. หนา 2.6-5 มม.
• คาดแดง 15-150 มม. หนา 3.2-5.4 มม.
• คาดเขียว 65-200 มม. หนา 5.2-8.2 มม. - ท่อไซเลอร์
ท่อไซเลอร์มีความผสมระหว่าท่อเหล็ก GSP กับ PE โดย GSP จะเป็นท่อเหล็กภายนอก ส่วน PE จะเป็นท่อเหล็กด้านใน มีความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดี ทนต่อแรงกระแทก ไม่หัก ไม่งอ ทนต่อความดันได้สูงมากกว่า 20 บาร์ และทนความร้อนได้ถึง 90 องศาเซลเซียส ไม่เป็นสนิม เหมาะกับงานติดตั้งในโรงแรม องค์กรขนาดใหญ่ ที่ๆ ต้องใช้วัสดุทนความร้อนสูงๆ ท่อไซเลอร์มีราคาแพงกว่าท่อประเภทอื่นๆ - ท่อพีพีอาร์ (ท่อ PPR)
ท่อพีพีอาร์ หรือ Polypropylene Random Copolymer ผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง มีลักษณะเป็นท่อสีเขียว ถูกคิดค้นได้จากชาวเยอรมันที่พัฒนาจากเม็ดพลาสติกโพลีโพรไพลีนที่ทั่วโลกต่างนิยมใช้ ท่อ PPR ถูกใช้ครั้งแรกสำหรับระบบประปาและระบบทำความร้อนแบบไฮโดรลิกในปีก 1980 ในประเทศแถบยุโรป และได้มีการเปิดตัวในอเมริกาเหนือในปี 2000 เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรม อาคารสูงๆ บ้าน มักนิยมใช้ในงานระบบท่อประปา ท่อน้ำร้อน-เย็น - ท่อ HDPE
ท่อ HDPE หรือ ท่อ PE เป็นท่อที่ผลิตมาจาก โพลิเอทิลีน ชนิดที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งในสารโพลิเอทิลีนก็คือเม็ดพลาสติกที่ผลิตมาจากสารตั้งต้น เป็นผลผลิตจากปิโตเลี่ยม สามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ชนิด ได้แก่ - ชนิดที่มีความหนาแน่นต่ำ - มักจะใช้ทำถุงพลาสติก ภาชนะบรรจุอาหาร
ชนิดที่มีความหนาแน่นสูง - มักนิยมใช้ผลิตเป็นท่อที่ใช้สำหรับสารเคมี คือมีความทนทานต่อสารเคมี ท่อส่งก๊าซ หรือท่อร้อยสายไฟต่างๆ หรือท่อประปาที่มีแรงดันน้ำสูง
ข้อดีของท่อ PPR
- สะอาด ถูกสุขอนามัย
- ไร้กลิ่น ไร้รสชาติ
- ทนต่อสารเคมี
- ทนต่อการกัดกร่อน
- ทนทานต่อสารคอลรีนและคลอรามีน
- ราคาเหมาะสมเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ เช่น ท่อโลหะ
- น้ำหนักเบา
- มีค่าการนำความร้อนต่ำ
ข้อดีหลักๆ ของ ท่อ PPR นี้ทำให้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับใช้ในงานระบบท่อส่งน้ำประปา น้ำที่ถูกส่งจากท่อพีพีอาร์นี้มั่นใจได้ว่า สะอาด ถูกสุขอนามัยต่อผู้บริโภค
ท่อ PPR ยังนิยมนำมาเชื่อมต่อกับท่ออื่นๆ เพื่อจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันได้อีกด้วย เรามาดูกันต่อว่าท่อพีพีอาร์สามารถนำไปเชื่อมต่อกับท่ออะไรได้บ้างและมีวิธีการหรือเทคนิคการเชื่อมต่ออย่างไร
ท่อพีพีอาร์สามารถนำไปเชื่อมต่อเข้ากับท่อประเภทอื่นๆ ได้ เช่น เชื่อมต่อกับท่อ PVC หรือสุขภณฑ์ต่างๆมีวิธีการเชื่อมต่อดังนี้
- เชื่อมต่อด้วยวิธีการใช้ความร้อนในการหลอมละลาย - เป็นการเชื่อมต่อท่อพีพีอาร์กับท่อพีพีอาร์โดยใช้ความร้อนหลอมละลาย
- เชื่อมต่อแบบระบบเกลียว - เป็นการเชื่อมต่อแบใช้เกลียวด้านหนึ่งเป็นโลหะ ส่วนอีกด้านเป็นท่อพีพีอาร์ มักใช้กับท่อพีวีซีหรือเชื่อมต่อกับสุขภัณฑ์ต่างๆ
- เชื่อมต่อแบบหน้าแปลนหรือหน้าจาน - ใช้ข้อต่อเป็นวัสดุท่อพีพีอาร์ ด้านหนึ่งเป็นการเชื่อมโดยใช้ความร้อนหลอมกับตัวแปลนหน้าจานส่วนอีกด้านเป็นแปลนเหล็กหรือเเปลนพีวีซี เหมาะกับการเชื่อมต่อท่อข้ามประเภทที่มีขนาดใหญ่ เช่น ต่อท่อพีพีอาร์เข้ากับท่อเหล็กเป็นต้น
ข้อควรระวังในการเชื่อมต่อท่อ PPR กับท่ออื่นๆ
- ตรวจสอบความปลอดภัยต่างๆ - การจะเชื่อมท่อพีพีอาร์นั้นจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการเชื่อม ผู้ที่ทำการเชื่อมต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- ต้องมีความชำนาญและเชี่ยวชาญ - จำเป็นอย่างมากที่ต้องให้ความรู้และฝึกอบรมอยู่เป็นประจำกับช่างหรือทีมงานให้มีความเชี่ยวชาญ วิธีการเปิดเครื่องเชื่อม การใช้งานที่ถูกต้อง การทำความสะอาดหลังการใช้งาน และสิ่งที่ควรรู้กรณีเกิดความผิดปกติว่าต้องแก้ไขอย่างไร
- ระมัดระวังในการใช้เครื่องมือ - เครื่องเชื่อมเมื่อถูกใช้งานจะมีความร้อน แม้หยุดการใช้งานแล้วแต่เครื่องก็จะยังมีความร้อนอยู่ ควรตรวจสอบให้เเน่ใจทุกครั้งหลังการใช้งานว่าได้วางอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากความร้อนของเครื่องเชื่อม
- ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องใช้งาน - ก่อนหรือหลังการใช้งาน ควรทำความสะอาดบริเวณที่ใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดไฟไหม้ เกิดความเสียหายของท่อพีพีอาร์
- สวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง - ก่อนการทำงานควรสวมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม (ชุดPPE แขนยาว) เพื่อเลี่ยงการสัมผัสกับพื้นผิวที่ร้อนจัด พลาสติกหรือเศษผงในอากาศ ควรสวมถุงมือ และแว่นตาสำหรับป้องกันก่อนการทำงานทุกครั้ง
การเชื่อมต่อท่อ PPR กับท่ออื่นๆ เพื่องานเดินระบบประปานั้นจำเป็นต้องใช้ช่างหรือผู้เชี่ยวชาญในการวางระบบ หจก. เอสเอพี โฮม เซ็นเตอร์ เราเป็นผู้จัดจำหน่ายท่อน้ำ อุปกรณ์ประปา ระบบน้ำดี-น้ำเสีย ระบบประปาเพื่อการเกษตร ฯลฯ สินค้าทุกชิ้นผ่านการรองรับตามมาตรฐาน มอก. มีคุณภาพสูง ราคาถูก มีทั้งขายปลีกและส่ง สามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดหรือปรึกษางานวางระบบประปาเราได้ที่เบอร์ 02-876-1731 หรือเข้าไปดูสินค้าของเรา พร้อมโปรโมชั่นต่างๆ ได้ที่ www.saphomecenter.com
การเลือกวัสดุ อุปกรณ์ที่เหมาะกับงาน และรู้วิธีที่ถูกต้องในการใช้อุปกรณ์หรือวัสดุนั้นๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานนั้นให้ออกมาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หากไม่แน่ใจควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายและสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. : 085-567-1222, 092-775-9000
https://www.saphomecenter.com/
Email: saphomec@gmail.com
แฟ็กซ์ : 02-876-1733
LINE ID : @saphome