เคล็ดลับการเลือก ท่อ PE และ ท่อ PPR สำหรับงานน้ำดื่มและน้ำร้อน

ท่อ PE และ ท่อ PPR เลือกใช้อย่างไรจึงจะเกิดผลลัพธ์อันยอดเยี่ยม

ท่อ PE ท่อ PPR น้ำดื่ม

ในงานลำเลียงส่งน้ำหรือระบบของเหลวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคครัวเรือน เกษตรกรรม หรืออุตสาหกรรม จำเป็นต้องมีตัวกลางเป็นเส้นทางให้ส่งจากต้นทางไปยังปลายทางได้โดยใช้ระบบท่อ piping ซึ่งตามท้องตลาดหากเป็นน้ำดื่มและน้ำร้อน ท่อ PE และ ท่อ PPR เป็นทางเลือกที่ดีได้หรือไม่ วันนี้ หจก.เอสเอพี โฮม เซนเตอร์ จะพาไปดู เคล็ดลับการเลือก ท่อ PE และ ท่อ PPR สำหรับน้ำดื่มและน้ำร้อน กัน เชิญติดตามต่อกับบทความนี้ได้เลย

คุณสมบัติท่อ PE และ ท่อ PPR

ท่อ PE

ท่อ PE เป็นคำย่อสั้น ๆ ในการเรียกชื่อของ ท่อ HDPE : High Density Polyethylene เป็นท่อพลาสติกสีดำ ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนที่มีความหนาแน่นสูง ตามมาตรฐาน มอก. มีความยืดหยุ่น หนา ไม่แตกหักง่าย แข็งแรงทนทาน ไม่เสี่ยงต่อการรั่วซึม ทนต่อแรงกระแทก ทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทั้งร้อน ฝน ทนต่อรังสียูวี ทนต่อการกัดกร่อน ทนต่อสารเคมีสภาพกรด ด่าง เป็นฉนวนไฟฟ้าได้ สามารถดัดตามส่วนโค้งเว้าตามลักษณะพื้นที่ได้ง่าย ทั้งพื้นผิวด้านนอกและด้านในท่อมีความเรียบลื่น ลดการเสียดสีเมื่อมีวัตถุหรือของเหลวผ่านด้านในท่อ เคลื่อนย้ายง่าย ติดตั้งและเชื่อมต่อได้สะดวก ใช้งานได้ทั้งระบบประปา (ท่อน้ำดี ท่อน้ำเสีย) และระบบไฟฟ้า (ทั้งใต้ดินและใต้น้ำ ในอาคารและนอกอาคาร) มีหลากหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 20 มิลลิเมตร ไปจนถึง 200 มิลลิเมตร รับแรงดันได้สูง 5-16 บาร์ อายุการใช้งานมากกว่า 50 ปี ใช้ได้ทั้งครัวเรือนทั่วไป พาณิชกรรม อุตสาหกรรม หรือเกษตรกรรม ลักษณะ ท่อ PE แต่ละประเภทจะมีแถบสัญลักษณ์สีแตกต่างกัน เช่น แถบสีฟ้าคาดจะใช้สำหรับงานระบบประปา แถบสีส้มคาดจะใช้สำหรับงานระบบไฟฟ้า สีดำล้วนใช้สำหรับงานเกษตร ทั้งนี้สามารถสังเกตได้ว่าท่อ PE ทุกเส้นจะแสดงรายละเอียดสินค้าบนผิวด้านนอกท่ออย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อย่อ ชื่อเครื่องหมายการค้าผู้ผลิต ขนาดท่อ ความหนา แรงดัน เป็นต้น

ท่อ PPR

ท่อ PPR (ท่อพีพีอาร์) Polypropylene Random Copolymer ลักษณะเป็นท่อพลาสติกสีเขียว ผลิตจากเม็ดพลาสติก Thermo Plastic คุณภาพสูง แข็งแรง ทนทานอายุการใช้งานนานกว่า 50 ปี มีความยืดหยุ่นสูง ไม่เป็นสนิม สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย ใช้กับน้ำดื่มได้ไม่มีสารเจือปนจากท่อ PPR น้ำหนักเบา ติดตั้งเคลื่อนย้ายง่าย ไม่นิยมใช้ฝังลงใต้ดิน อยู่ภายใต้มาตรฐาน DIN 8077/78 & ISO 15874 รวมถึงมาตรฐานความสะอาด BS 6920 Part II ใช้การเชื่อมต่อด้วยความร้อนหลอมผสานกันลดปัญหาการรั่วซึม ซึ่งต้องใช้เครื่องเชื่อมท่อ PPR โดยเฉพาะ รับแรงดันทั้งภายในและภายนอกได้ดี พบได้ 2 รุ่นคือ

  • PPR PN10 ใช้งานกับระบบท่อน้ำประปา ระบบน้ำอุ่น หรือระบบท่ออื่น ๆ ใช้กับงานอุณหภูมิไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส รองรับแรงดัน 10 บาร์ เป็นท่อสีเขียวไม่มีเส้นแถบสีคาด ขนาดตั้งแต่ 20 มม. ถึง 315 มม.
  • PPR PN20 ใช้งานกับระบบท่อน้ำประปา ระบบน้ำร้อน ระบบท่อน้ำชิลเลอร์ ระบบท่อส่งสารเคมี ระบบส่งน้ำเกษตร หรือระบบท่ออื่น ๆ ใช้กับงานอุณหภูมิไม่เกิน 95 องศาเซลเซียส รองรับแรงดันได้ 20 บาร์ เป็นท่อสีเขียวคาดแถบสีขาวสี่เส้น ขนาดตั้งแต่ 20 มม. ถึง 160 มม. (ทั้งนี้มีท่อ PPR ชนิดเสริมใยแก้วชั้นในถึง 50% ของความหนาท่อ ช่วยลดความหนาของผนังท่อ เพิ่มอัตราการไหล ซึ่งออกแบบพิเศษสำหรับระบบน้ำร้อนโดยเฉพาะ เพื่อลดการยืดและขยายตัวของท่อ PPR ได้ถึง 3 เท่า ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในท่อ ลักษณะเป็นท่อสีเขียวคาดแถบสีแดง มีชั้นไฟเบอร์ตรงกลาง)

ใช้งานได้หลากหลาย มักใช้กับระบบประปา ทั้งอุปโภคและบริโภค เป็นท่อน้ำดื่มน้ำใช้ ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น ในบ้านเรือน ที่พักอาศัย โรงพยาบาล โรงแรม หรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ ท่อน้ำกลั่น ท่อน้ำกรอง ท่อลมแรงดันสูง ระบบท่อในสระว่ายน้ำ ท่อในระบบปรับอากาศ

ตัวอย่างในการใช้งาน ท่อ PE และ ท่อ PPR

  • สำหรับเดินระบบท่อน้ำในสนามบิน สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล
  • สำหรับน้ำดื่ม น้ำร้อน น้ำเย็น
  • สำหรับระบบการระบายน้ำทิ้งในโรงงานอุตสาหกรรมหรือภาคเกษตรกรรม
  • สำหรับส่งก๊าซธรรมชาติ
  • สำหรับร้อยสายไฟภายในและภายนอกอาคาร
  • สำหรับระบบประปาสวนน้ำ สระว่ายน้ำ
  • สำหรับระบบประปา บ้านเรือน ที่พักอาศัย ชุมชน ระบบชลประทาน
  • สำหรับขนส่งสารละลาย สารเคมี
  • สำหรับทำทุ่นท่าเทียบเรือ
  • สำหรับระบบท่อน้ำเย็น ระบบปรับอากาศ
  • สำหรับระบบท่อเกษตรกรรม พืชสวน


เคล็ดลับการเลือกท่อ PE และท่อ PPR สำหรับงานน้ำดื่มและน้ำร้อน

  1. ท่อ PE และท่อ PPR ต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มอก. ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นถึงคุณภาพในการนำไปใช้งาน ไม่มีสารพิษ ไม่เป็นสนิม ทุกเส้นได้ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัยมีความปลอดภัย สามารถนำไปใช้เกี่ยวกับงานอุปโภคบริโภคได้ โดยเฉพาะงานน้ำดื่มน้ำร้อน ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานอย่างแน่นอน

  2. เลือกซื้อเลือกใช้กับบริษัทผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ที่มีความเชี่ยวชาญใน ท่อ PE และท่อ PPR ดูจากประสบการณ์ การให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาที่ดี เจ้าหน้าที่คอยให้บริการอย่างต่อเนื่องทั้งก่อนและหลังการขาย และอาจตรวจสอบจากรีวิวต่าง ๆ หากบริษัทได้รับความไว้วางใจ มีความน่าเชื่อถือ ย่อมได้รับความคิดเห็น คอมเม้นท์ที่ดีมากกว่าเสมอ จึงจะช่วยให้ได้สินค้า ท่อ PE และท่อ PPR ที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน

  3. การรับรองคุณภาพ การรับประกันสินค้า รับประกันการใช้งาน ท่อ PE และท่อ PPR หากเมื่อมีการติดตั้ง มีการใช้งาน ไม่เกิดปัญหาด้านเทคนิค เนื่องจากสินค้าได้รับการตรวจสอบ รับรองผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว แต่หากเกิดข้อผิดพลาด บกพร่องขึ้นกับสินค้า ต้องมีการรับประกัน เคลม เปลี่ยนสินค้าให้ได้ทันที รวมถึงอายุการใช้งานสินค้าควรเป็นไปตามสเปคที่ระบุไว้ ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่า

  4. คำนึงถึงความเหมาะสม วัตถุประสงค์ในการใช้งาน รายละเอียดสเปคสินค้าตรงตามจุดมุ่งหมายที่ระบุไว้หรือไม่ ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่ เพื่อให้มีการใช้งานที่ถูกต้อง ไม่เกิดปัญหาจุกจิกกวนใจตามมาภายหลัง เช่น การทนต่อการกัดกร่อน การรับแรงกระแทก การทนอุณหภูมิ การรับแรงดันของ ท่อ PE และท่อ PPR จะได้ไม่ต้องทำการรื้อระบบเพื่อติดตั้งงานใหม่ คุ้มค่าต่อการลงทุน และการเลือก ท่อ PE และท่อ PPR ให้ตรงสเปค จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ด้วยนั่นเอง

  5. งบประมาณ สิ่งสำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ นั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ หากมีงบเหลือเพียงพอ ให้พิจารณาสเปค ท่อ PE และท่อ PPR ที่รองรับงานได้สูงเพื่อการขยับขยายงานในอนาคต แต่หากมีงบจำกัดต้องพิจารณาสเปคที่เหมาะสมกับราคา โดยต้องไม่ลดสเปค ท่อ PE และท่อ PPR เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นกับงานวางระบบท่อต่าง ๆ ทำให้เกิดประโยชน์ในการใช้งานได้อย่างเต็มที่

  6. ในการตัดสินใจเลือกใช้ ท่อ PE และท่อ PPR นั้นให้พิจารณาไปถึงอะไหล่และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ประกอบร่วมกันด้วย ต้องสามารถประกอบติดตั้งได้ง่าย รวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ เหล่านั้นต้องหาได้ไม่ยาก มีตามท้องตลาด ราคาไม่แพง มีสต็อกไว้ให้พร้อมใช้งานเสมอ เพราะหากมีการติดตั้ง ชำรุด เสียหาย ต้องหาอะไหล่เหล่านี้ได้สะดวก ลดระยะเวลาการซ่อมแซมงาน

  7. ท่อ PE และท่อ PPR เมื่อติดตั้งแล้ว ต้องง่ายในการบำรุงรักษา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือเครื่องจักรใด ๆ ก็ตาม เมื่อมีการติดตั้งใช้งาน ต้องทำการดูแลรักษา ให้มีสภาพที่คงทนถาวร ใช้งานได้ยาวนาน สำหรับ ท่อ PE และท่อ PPR ก็เช่นกัน วิธีการดูแลบำรุงรักษาต้องง่าย ไม่ซับซ้อน จึงจะทำให้ผู้ดูแลตรวจสอบไม่เบื่อหน่าย สามารถทำได้ตามกำหนดเวลา ตามความจำเป็น

ในการเลือกใช้ ท่อ PE และ ท่อ PPR สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือต้องให้ถูกต้องตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการใช้งานตามมาภายหลัง ซึ่งหากเป็นข้อมูลเฉพาะด้านแล้วควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ ที่จะคอยให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ได้ รวมไปถึงเมื่อมีการติดตั้งใช้งานเรียบร้อยแล้วก็ต้องทำการบำรุงรักษา ตรวจสอบสภาพเป็นระยะ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปตามสเปค มีอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วย

หจก. เอสเอพี โฮม เซนเตอร์ ศูนย์รวม ท่อ PE และ ท่อ PPR สำหรับงานประปา หรือร้อยสายไฟฟ้า รวมทั้ง ท่อ Tapkorr ท่อระบายน้ำแทพคอร์ ท่อเหล็กชุบพีอีไซเลอร์ ท่อ Propipe ท่อ PVC แผ่นความร้อนเชื่อมท่อ HDPE เครื่องเชื่อมท่อ HDPE มีหลากหลายแบบให้เลือกสรร ท่อ PE และ ท่อ PPR และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้รับการผลิตจากเครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัย จากพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมมายาวนาน ด้วยประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือ ภายใต้สินค้าคุณภาพได้มาตรฐาน มอก. มีทั้งแบบขายปลีก และขายส่ง ราคายุติธรรม จัดส่งทั่วประเทศ เราพร้อมให้คำปรึกษาและบริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้า ตอบสนองความต้องการทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

 

***จำหน่าย ท่อ PE และ ท่อ PPR คุณภาพมาตรฐาน ทั้งปลีกและส่ง***

ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอสเอพี โฮม เซนเตอร์
SAP HOME CENTER LTD., PART.
www.saphomecenter.com
13/284 ถนนริมคลองบางค้อ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150

โทร. : 085-567-1222, 092-775-9000 
Email: saphomec@gmail.com
แฟ็กซ์
: 02-876-1733
LINE ID : @saphome

Visitors: 520,706