ข้อควรระวัง และ ปัญหาที่อาจพบในการใช้งานท่อ PPR
7 วิธีในการเฝ้าระวัง และ ป้องกันการใช้งานท่อ PPR อย่างเหมาะสม
เราจะพบว่าในยุคปัจจุบันนั้นงานระบบต้องการความคงทน ปลอดภัย และ ประหยัดพลังงานอย่างยิ่งทำให้ ท่อ PPR (Polypropylene Random Copolymer) กลายเป็นหนึ่งในวัสดุยอดนิยมสำหรับงานระบบท่อน้ำร้อน-น้ำเย็น เนื่องจากมีคุณสมบัติทนแรงดันและอุณหภูมิสูง อายุการใช้งานยาวนาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าท่อ PPR จะมีข้อดีมากมาย แต่หากใช้งานไม่ถูกต้อง หรือขาดการดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ ติดตั้ง ไปจนถึงการบำรุงรักษา ก็อาจเกิดเป็นปัญหาตามมาได้เช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเจาะลึก ข้อควรระวัง และ ปัญหาที่พบบ่อยๆ ในการใช้งานท่อ PPR พร้อมคำแนะนำในการป้องกัน เพื่อให้ทุกการใช้งานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ยืดอายุการใช้งานของระบบให้ยาวนานที่สุด
สำหรับท่อ PPR นั้นเป็นท่อพลาสติกประเภทเทอร์โมพลาสติกที่สามารถทนต่อความร้อนสูงได้ดี และเหมาะสำหรับระบบน้ำดื่ม น้ำร้อน น้ำเย็น รวมถึงระบบทำความเย็น และ ท่อน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ โดย คุณสมบัติเด่นๆของท่อ PPR ได้แก่ ทนแรงดัน และ อุณหภูมิสูง (ใช้งานได้ถึง 95°C และ แรงดัน 20 บาร์) , ทนต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี, มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 50 ปี , ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีสารโลหะหนัก และ มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย รอยเชื่อมแน่นหนา จากคุณสมบัติที่กล่าวมาแม้จะดูเป็นวัสดุที่ “ไร้ที่ติ” แต่ในการใช้งานจริง ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบด้วย
ปัญหาที่อาจพบจากการใช้งานท่อ PPR ที่ควรระวัง
- การหลอมเชื่อมท่อที่ไม่ถูกต้อง
ในการติดตั้งท่อ PPR นั้นต้องใช้วิธี “การหลอม และ เชื่อมต่อ” ด้วยความร้อน ซึ่งหากทำไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ เช่น เชื่อมไม่สนิท มีน้ำรั่วซึม ,เชื่อมเกินขนาด ทำให้เกิดการอุดตันในท่อ และ หากเชื่อมผิดตำแหน่ง จะทำให้แนวท่อเบี้ยว หรือ รั่วในอนาคตได้ ดังนั้นวิธีป้องกันจึงควรใช้เครื่องเชื่อมที่มีคุณภาพ และ ให้ช่างที่มีประสบการณ์เป็นผู้ติดตั้ง โดยตรวจสอบอุณหภูมิให้เหมาะสม (ประมาณ 260°C) และ ใช้เวลาประกบตามที่กำหนดในคู่มือ - เลือกท่อไม่ตรงกับลักษณะการใช้งาน
ท่อ PPR นั้นมีหลายชนิด และ หลายแรงดัน เช่น PN10, PN16, PN20 ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน โดย หากใช้ท่อ PN10 กับน้ำร้อน อาจทำให้ท่อบวม หรือ รั่วได้ และ หากใช้ท่อบางกับแรงดันน้ำสูง จะทำให้เกิดการแตกร้าวในอนาคตได้ ดังนั้นวิธีป้องกันจึงต้องตรวจสอบแรงดัน และ อุณหภูมิของระบบก่อนเลือกประเภทท่อให้ตรงกับการใช้งาน - การติดตั้งใกล้แหล่งความร้อนหรือแดดโดยตรง
แม้ท่อ PPR จะทนความร้อนได้ดี แต่ก็ไม่ควรติดตั้งในที่โดนแดดจัด หรือ ใกล้เครื่องจักรที่ปล่อยความร้อนสูงโดยไม่มีฉนวนหุ้ม เพราะอาจทำให้ท่อเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ซึ่งผลที่อาจเกิดขึ้นจะทำให้ ผิวท่อแตกกรอบ , รอยเชื่อมหลุด และ ความดันน้ำลดลง หรือ เกิดการรั่วได้ ซึ่งวิธีป้องกันคือ ควรหุ้มฉนวนกันความร้อน หรือ เลือกใช้ท่อสีเข้มที่มีสารป้องกัน UV และ หลีกเลี่ยงการวางในตำแหน่งที่โดนแสงอาทิตย์โดยตรง - ไม่มีการเผื่อการขยายตัวตามอุณหภูมิ
สำหรับ ท่อ PPR นั้นเมื่อเจอความร้อนจะเกิดการขยายตัว หากไม่ได้เผื่อระยะในการขยายตัวไว้ อาจทำให้ท่อโก่ง โค้ง หรือ แตกในภายหลัง โดยวิธีป้องกันควรติดตั้งอุปกรณ์ Expansion Loop หรือ Expansion Joint หรือ ยึดท่อด้วยแคลมป์แบบลื่น (sliding clamp) และ ต้องเผื่อช่องว่างบริเวณจุดโค้งงอ หรือ รอยต่อด้วย - คุณภาพวัสดุไม่ได้มาตรฐาน
มีผู้ผลิตบางรายที่ใช้วัตถุดิบรีไซเคิล หรือ ไม่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานมาผลิตท่อ PPR จึงทำให้คุณภาพของท่อไม่สม่ำเสมอ เกิดการรั่ว หรือ แตกร้าวได้ง่าย เราจึงต้องสังเกตท่อที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนี้สีท่อซีด หรือ มีจุดไม่สม่ำเสมอ , ไม่มีสัญลักษณ์มาตรฐาน (เช่น DIN, ISO, ASTM) และ ราคาถูกเกินจริง ซึ่งเราสามารถเลือกใช้แบรนด์ที่มีชื่อเสียง มีใบรับรองมาตรฐาน และ ควรขอดูเอกสารประกอบก่อนตัดสินใจใช้งาน - การขุดเจาะโดยไม่ได้ตรวจสอบแนวท่อ
ในการต่อเติม ซ่อมบ้าน หรือ ติดตั้งสิ่งใหม่ๆ หากไม่รู้แนวท่อ PPR ที่ฝังไว้ อาจเจาะโดนท่อ และ ทำให้เกิดการรั่วอย่างรุนแรงได้ จึงต้องมีวิธีป้องกัน โดยควรวางแนวท่อให้เป็นระเบียบ และ มีแบบแปลนกำกับชัดเจน อีกทั้งควรติดป้ายเตือนบริเวณที่ฝังท่อเสมอ และ ใช้เครื่องตรวจจับท่อก่อนขุด หรือ เจาะ - การละเลยการทดสอบระบบหลังติดตั้ง
ในหลายๆกรณีที่ผู้ติดตั้งท่อ PPR ไม่ได้ทดสอบแรงดันหลังติดตั้ง ทำให้เกิดปัญหาเล็กๆ ที่ไม่ถูกตรวจพบ จนกระทั่งเกิดการรั่วเมื่อใช้งานจริง ดังนั้นจึงควรทดสอบระบบด้วยน้ำ หรือ อากาศตามแรงดันใช้งานจริง ทิ้งไว้ 12-24 ชั่วโมง ก่อนเริ่มใช้งานจริงเสมอ
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ท่อ PPR เป็นวัสดุที่ดี และ เหมาะกับระบบประปาในยุคปัจจุบัน แต่ต้องการการใช้งานอย่างเข้าใจ และ ระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะเรื่อง “การติดตั้ง” ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ และ อายุการใช้งานของท่อ ซึ่งเมื่อเลือกใช้ท่อ PPR แล้วจำเป็นจะต้องมีการใช้งานอย่างถูกต้อง และ มีการดูแลที่ดี คุณจึงจะสามารถใช้ระบบน้ำที่ปลอดภัย ประหยัด และ ใช้งานได้อย่างยาวนานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อมบำรุงมากนัก
ดังนั้นหากกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่ผลิตท่อ PPR ที่มีคุณภาพนั้นเราขอแนะนำ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอสเอพี โฮม เซนเตอร์ เป็นศูนย์รวม ท่อ PVC ท่อ HDPE ท่อ PPR และ อุปกรณ์ประกอบท่อประปาทุกชนิด และ ท่อร้อยสายไฟฟ้าทุกชนิด ซึ่งได้ผ่านการรับรองคุณภาพได้มาตรฐาน มอก. ทั้งนี้ยังได้รับการผลิตโดยกระบวนการ และ เครื่องจักรที่ทันสมัยพร้อมการบริการที่รวดเร็วทันใจ ให้ลูกค้าทุกท่านได้รับความพึงพอใจสูงสุด อีกทั้งยังมี ราคาถูก มีทั้ง ขายปลีก ขายส่ง เรายินดีให้คำแนะนำ และ บริการทุกๆท่านด้วยความเต็มใจนั้นเอง
ติดต่อสอบถาม
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอสเอพี โฮม เซนเตอร์
13/284 ถนนริมคลองบางค้อ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150
โทร. : 085-567-1222 , 092-775-9000
E-mail: saphomec@gmail.com
LINE ID : @saphome